Migraine
Migraine คืออะไร?
Migraine คืออาการปวดศีรษะข้างเดียว ทรมานมาก คุณภาพชีวิตตกต่ำ ทำงานอ่านหนังสือไม่ได้ อาจมีอาการทางสายตา จากเบลอ ถึงโลกหมุน มองเห็นไม่ชัดเหมือนกับฝันไป การมองเห็นเหมือนคนสายตาสั้น บางรายมีอาการเวียนศีรษะ หลายรายมีอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้อขากรรไกร บริเวณหน้าหู ล้าที่คอ ไหล่หรือบ่า บางรายอาจเริ่มจากการปวดที่ศีรษะ แล้วร้าวไปที่ตา รายที่เป็นมากอาจมีอาการปวดเมื่อยลงสู่กล้ามเนื้อคอ และ หลังด้วย
การรักษา ไมเกรน (Treatment of Migraine)
การรักษากระทำโดย
การใช้ยาประเภทแก้ปวด (Pain Killers) ต่างๆ เช่น
ยา CAFERGOT ขนาด 1 เม็ด
หลังอาหารเช้า ขนาดสูงสุด 6 เม็ด/วัน หรือ 10 เม็ด/ สัปดาห์ แก้ปวด ไมเกรน โดยเฉพาะ รักษาอาการ ปวดหัว ประสาท สมอง และหลอดเลือดโดยตรง นิยมใช้กันมาก
CAFERGOT ต้องทานตอนเริ่มปวดทันที ถ้ายังไม่ปวดไม่ต้องทาน ยานี้ไม่มีผลในทางป้องกัน การปวด ไมเกรนนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ CAFERGOT เสมอไป บางคนทาน พาราเซตามอล (Paracetamol) ก็หาย
ถ้าไม่หายควรพบแพทย์อย่างน้อยสักครั้ง จะได้ดูให้รู้แน่ว่าเป็นไมเกรนจริงหรือเปล่า และจะได้แนะนำ เรื่องยา เพราะยามีหลายชนิด และมักมีผลข้างเคียงหากทานไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะ CAFERGOT อาจทำให้เส้นเลือด (โดยเฉพาะหัวใจ) ตีบได้ ถ้าใช้ไม่ถูกต้องหรือเกินความจำเป็น (โดยเฉพาะในวัยกลางคนขึ้นไป)
ยา NIDOL 100 มก./เม็ด
ใช้แก้ปวด ลดอาการอักเสบ ทานหลังอาหารทันทีเป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการไมเกรน โดยจัดร่วมเป็นชุด กับ CAFERGOT และ/หรือร่วมกับ
ยา พาราเซตามอล (Paracetamol) 500 มก./เม็ด
เป็นยาที่ใช้แก้ปวด ลดไข้ทั่วไป ใช้บรรเทาอาการไมเกรนโดยใช้กินตามหลัง CAFERGOT และ NIDOL
ยา Avamigraine เหมือนกับ CAFERGOT
ความเห็นของผู้เขียนเกี่ยวกับการใช้ยา
ยาช่วยได้เพียงแค่บรรเทาอาการปวด ยาไม่ได้รักษาต้นเหตุ สารพัดยาที่ใช้รักษาไมเกรน สั่งโดยแพทย์ ได้แก่ ยาแก้ปวด ยาคลายเครียด คลายกล้ามเนื้อ บำรุงประสาท ขยายเส้นเลือด ลดกรดในท้อง แก้ปวดท้อง และ…ยาก่อนนอน
การทานยา กว่าจะออกฤทธิ์ และหายปวดต้องใช้เวลา 30 นาที ขึ้นไป หลังจาก 4 ชม.แล้ว ยาหมดฤทธิ์ ก็จะทรมานอีกเหมือนเดิม ดังนั้นท่านจะต้องทานยาแก้ปวดทุก 4 ชม. …….ตลอดชีวิต!!??
ยาอีกกลุ่มหนึ่ง คือ Muscle relaxant เช่น Norgesic เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ…1 เม็ด ก่อนนอนให้เพียง 2 วัน
สาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบ
– ความเครียด (Stress)
– มีปัญหาเรื่องสายตา หรือใช้สายตามากเกินไป เช่น ผู้ที่ทำงานกับ Computers
– กลิ่นต่างๆ เช่น กลิ่นน้ำหอม กลิ่นกาแฟ หรือกลิ่นที่แรงๆ
– อากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (sudden temperature changes) เช่น จากอากาศร้อนจัดๆ แล้วเข้าห้องแอร์ทันที
– เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนต่างๆ เช่น ชา กาแฟ โกโก้
– ช๊อกโกแล็ต Chocolate
ดังนั้น ท่านจะต้องทำบันทึกว่าท่านไวต่อสาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นตัวใด ตามที่กล่าวมาข้างต้น และต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการ เพราะถ้าเกิดอาการแล้วจะหายยาก และถ้าเป็นไปได้ควรกินยาให้เร็วที่สุด ยิ่งเป็นมากเท่าไหร่ ทิ้งไว้นานยิ่งหายยาก
ขณะปวดไมเกรน ต้องพักสายตา ควรอยู่ในห้องเงียบๆ ที่มืด ไม่มีแสงสว่างจ้ารบกวน ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น หรือน้ำแข็งประคบที่ศีรษะ ประมาณ 15-20 นาที พร้อมกับนวดเบาๆ
วิธีการรักษาช่วย อื่นๆ ที่ใช้เสริมการรักษาหลัก ก็มี เช่น
1. การนั่งสมาธิ (แบบ อาณาปาณสติ) (Meditation)
2. การควบคุมความเครียด (Stress Management)
3. การฝึกโยคะ (Yoka) ดูรายละเอียดใน http://www.yogalives.com
4. การนวด (Massage)
5. การฝังเข็ม (Acupuncture)
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไมเกรน
หมอบอกว่าเป็นโรคเวรกรรมไม่มีวันหาย ลองทำบุญสวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรดู ซึ่งไม่เป็นความจริง จากประสบการณ์การรักษาคนไข้ที่มีความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร ไมเกรนและการสบฟันที่ผิดปกติ เป็นเวลากว่า 33 ปี ผู้เขียนพบว่าการรักษาด้วย Mandibular Repositioning Splint (Jaw Orthopedic Appliance) หรือที่เรียกสั้นๆว่า “Splint” ในฟันล่าง และตามด้วยทันตกรรมจัดฟันได้ผลทุกราย อาการดีขึ้นตั้งแต่ระดับ 75% จนถึงหายขาด โดยการจัดข้อต่อขากรรไกรให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเสียก่อน แล้วจึงจัดฟันให้มีเสถียรภาพของการสบฟัน ไม่ให้มีการสบกระแทก ในท่ากัดเต็มที่ มีการสบฟันแบบ Class I occlusion คือฟันเขี้ยวบนสบอยู่หลังฟันเขี้ยวล่าง มีการสบของฟันเขี้ยวในท่าเยื้อง ซ้าย-ขวา ไม่มีการสบกระแทกของฟันซี่อื่น ซึ่งเรียกว่า Canine Guidance (กรุณาสอบถามทันตแพทย์ของท่านเกี่ยวกับการสบฟันแบบ Class I Occlusion with Canine Guidance)
…..ไม่เกี่ยวกับเวร และ กรรม แต่อย่างใด…!!!
ผู้เขียนขอสรุปว่า คนไข้ที่มีความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร และการสบฟัน อาจมีอาการไมเกรนร่วมด้วย และสาเหตุหลักของไมเกรน คือการสบฟันที่มีความผิดปกติ ทำให้ข้อต่อขากรรไกรผิดปกติไปด้วย
การสบฟันที่ผิดปกติมาจากการที่คนไข้ปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ถอนฟันไปหลายซี่และไม่ได้รับการใส่ฟัน มีฟันล้มสบกระแทก หรือยื่นยาวเข้าสู่ช่องว่างที่อยู่ในขากรรไกรตรงข้าม มีการทรุดตัวลงของระบบบดเคี้ยว ทำให้แรงกดซึ่งแต่เดิมถูกแบกรับโดยฟันทุกซี่ ถูกผลักดันเข้าสู่ข้อต่อขากรรไกร เข้าไปกดเนื้อเยื่อด้านในให้บอบช้ำ ทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติ (Clicking) ทำให้เลือด อาหาร และ อ๊อกซิเยนไม่สามารถเข้าไปหล่อเลี้ยง เนื้อเยื่อในตำแหน่งนี้ได้
จากประสบการณ์ ของผู้เขียนคนไข้ประเภทนี้รักษาให้หายได้โดยการให้การรักษา
1. ด้วย Mandibular Repositioning Splint (Jaw Orthopedic treatment) เรียกสั้นๆว่า Bangkok Splint ในฟันล่างและตามด้วย
2. ทันตกรรมจัดฟัน ได้ผลทุกราย อาการดีขึ้นตั้งแต่ระดับ 75% จนถึงหายขาด
3. ทันตกรรมจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรที่เรียกว่า Orthognathic Surgery โดยศัลยแพทย์เฉพาะทางที่เรียกว่า Maxillofacial Surgeon
4. การกรอฟันเฉพาะจุดที่สบกระแทก (Selective Grinding)
5. การใส่ฟันปลอม (ทันตกรรมประดิษฐ์ )
ทันตแพทย์ ชวาล สมศิริ
2008.01.21
The S.O.S. Orthodontic Study Club